บรรณานุกรม

ผศ. ดร.สุกรี สินธุภิญโญ.(2554)  ตรรกศาสตร์ในการใช้งานคอมพิวเตอร์. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2554 จากhttp://www.eng.chula.ac.th/index.php?q=th/node/1583

การใช้ฟังก์ชันทางตรรกศาสตร์ ใน Excel 2007 .สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2554. จาก http://www.com5dow.com/microsoft-office-excel-2007/

โปรแกรมภาษา C.สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2554. จาก http://computerpasac54.blogspot.com/p/4-c.html

Database Query. สืบค้นเมื่อ 30 สิงหาคม 2554. จาก http://www.agri.ubu.ac.th/sura/IDRISI/Lab5.htm

ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS).สืบค้นมื่อ 30 สิงหาคม 2554. จาก               http://www.oknation.net/blog/print.php?id=104881

หน่วยประมวลผล. สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2554. จาก http://wanchai.hi.ac.th/3204-2012/ComStruc/hardware_cpu.html

ALU กับตรรกศาสตร์. สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 254. จาก http://www.it.co.th/computer.php?act=cpu


ดาวน์โหลดเอกสาร

 


แบบฝึกหัด

A - -  จงเติมคำในช่องว่างให้ถูกต้องและสมบูรณ์


1.กฎทั่วไปทางตรรกศาสตร์ที่พบในชีวิตประจำวัน  คือ  _________________




2.หน่วยคำนวณทางเรขาคณิตและตรรกศาสตร์ คือ ____________ ย่อมาจาก    _______________________



3.รูปแบบของการคำนวณทางคณิตศาสตร์และตรรกะ จะอยู่ในรูป
    ของ
___________________




4.เครื่องหมายทางตรรกศาสตร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษา c มีอยู่ 3 ชนิด
    คือ
___________________




5.ถ้านิพจน์ทางคณิตศาสตร์ คือ ___________________  แล้ว นิพจน์ทางภาษา
    C คือ 2*x*y + 4*z




6.ให้ p แทน 4*5 = 20 และ q แทน 9-3 = 5 แล้วค่าความจริงออกมาเป็นเท็จ
    แสดงว่ามีการใช้ฟังก์ชัน
______




7.”การมีสัญญาณไฟฟ้า”  และ “ไม่มีสัญญาณไฟฟ้า”   แทนสภาวะตรรกะ “จริง”
     และ “เท็จ”   หรือ
______กับ ________




8.การนำข้อมูลในรูปแผนที่หรือลายเส้นต่างๆถ่ายลงบนแผ่นใส แล้วนำมาซ้อน
   ทับกัน  เรียกว่า
__________________




9.ยกตัวอย่างโปรแกรมหรืออุปกรณ์ที่ใช้ตรรกศาสตร์มา 3 โปรแกรม ได้แก่    
    ___________________________




10.วิธีการ “_________________” จะช่วยให้ลดเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลลงและ
     สามารถเรียกแสดงหรือทำการวิเคราะห์ได้โดยง่าย


*************************************************************

สมาชิกในกลุ่ม....


            นางสาวนิภา           ดำเนินงาม        เลขที่  6
            นางสาวนุชรี            ผิวละออง         เลขที่  8
            นางสาวพฤษสนา    เขียนดี              เลขที่ 19
            นางสาวภัทรวิจิตรา  คิดกล้า             เลขที่ 23
            นายรพีภัทร             ทรวงโพธิ์          เลขที่ 27
            นางสาวฤทัยรัตน์     ถาวร                 เลขที่  30
            นายวิทวัส               นาคดี                 เลขที่ 38
            นางสาววิปุลา        จันทร์ประเสริฐ    เลขที่ 39
              สาขาวิชาคอมพิวเตอร์  ระดับ ค.บ. 5/1 หมู่ 2
                  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การนำตรรกศาสตร์ไปใช้ในอนาคต



        ในอนาคตอาจมีการนำตรรกศาสตร์ไปประยุกต์ใช้   โดยมีการนำตรรกศาสตร์ไปพัฒนาในด้านระบบคอมพิวเตอร์  ระบบสื่อสาร  ระบบคมนาคม ระบบสารสนเทศต่างๆ  เช่น
      
- นำไปใช้ในด้านการคำนวณในระบบคอมพิวเตอร์  โดยให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถในการทำงานที่ดีขึ้นในปัจจุบัน  มีประสิทธิภาพมากขึ้น  ไม่แน่ในอนาคตเราอาจพบเห็นคอมพิวเตอร์สามารถสั่งการได้ด้วยคำพูดของคน  เป็นต้น
     
- ในด้านการสื่อสาร  การมีการนำไปประยุกต์โดยแค่มนุษย์เราพูดหรือนึกชื่อเบอร์หรือชื่อคนที่เราต้องการคุยด้วย  สัญญาณนั้นอาจจะไปถึงตัวผู้รับสารเลย  โดยไม่ต้องกดหมายเลข เป็นต้น
การใช้ฟังก์ชันทางตรรกศาสตร์ ใน Excel 2007
           การวางฟังก์ชันทางตรรกศาสตร์หรือการใช้สูตรการตรวจสอบความเป็นเหตุเป็นผล เงื่อนไข หรือค่าของความเป็นจริง มีฟังก์ชันสำคัญ ดังต่อไปนี้

ฟังก์ชัน AND
ตัวอย่าง
     จงหาค่าความจริงของประโยคต่อไปนี้ 
             1. 2+3 = 7
             2. 4*5  = 20 
 วิธีทำ   ให้ p แทน 2 + 3 = 7          
               ให้ q แทน 4 * 5 = 20
               ประโยคที่กำหนดให้อยู่ในรูป  p^q
               เนื่องจาก  p เป็นเท็จ  และ q เป็นจริง           
               จะได้  p^q เป็นเท็จ           
               ดังนั้น  มีค่าความจริงเป็นเท็จ
ตรวจสอบด้วยโปรแกรมดังนี้
  
        1.เข้าโปรแกรม  โดย ไปที่ Start -->  เลือก  All Programs --> เลือก Microsoft Office --> กด Microsoft Office Excel 2007  ดังรูป

2.จะแสดงหน้าต่างโปรแกรม


3.ใส่ข้อมูล และตรววจสอบ  โดยกด แทรกฟังก์ชัน แล้วใส่ค่าตรวจสอบ ดังรูป



ผลลัพธ์

ฟังก์ชัน OR
ตัวอย่าง
     จงหาค่าความจริงของประโยคต่อไปนี้ 
             1. 2+3 = 7
             2. 4*5  = 20 
 วิธีทำ   ให้ p แทน 2 + 3 = 7          
               ให้ q แทน 4 * 5 = 20
               ประโยคที่กำหนดให้อยู่ในรูป  pvq
               เนื่องจาก  p เป็นเท็จ  และ q เป็นจริง           
               จะได้  pvq เป็นจริง          
               ดังนั้น  มีค่าความจริงเป็นจริง
ตรวจสอบด้วยโปรแกรมดังนี้


ฟังก์ชัน NOT

ตัวอย่าง
      1+1=2 
วิธีทำ   ให้ p แทน 1+1=2
              จะได้ p เป็นจริง
              ดังนั้น ~p  คือ 1+1   2 เป็นเท็จ
              ตรวจสอบด้วยโปรแกรม


ผลลัพธ์







ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ GIS

  GIS (Geographic Information System)
  หรือ ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
  เป็นเครื่องมือ  ที่ใช้ในการวิเคราะห์
  ข้อมูลเชิงพื้นที่ (
Spatial Context) โดย
  ข้อมูลลักษณะต่างๆในพื้นที่ที่ทำการ
  ศึกษา จะถูกนำมาจัดให้อยู่ในรูปแบบ
  ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน
  ซึ่งจะขึ้นอยู่กับชนิดและรายละเอียดของ
  ข้อมูลนั้นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  ตามต้องการ"* 



      ขบวนการในการวิเคราะห์ข้อมูลใน GIS แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ 


    1. Manual Approach เป็นการนำข้อมูลในรูปแผนที่
หรือลายเส้นต่างๆถ่ายลงบนแผ่นใส แล้วนำมาซ้อนทับ
กัน ที่เรียกว่า “
overlay techniques” ในแต่ละปัจจัย
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ  แต่วิธีการนี้มีข้อจำกัด
ในเรื่องของจำนวนแผ่นใสที่จะนำมาซ้อนทับกัน ทั้งนี้
เนื่องจากความสามารถในการวิเคราะห์ด้วยสายตา
(
Eye Interpretation)จะกระทำได้ในจำนวนของแผ่นใส
ที่ค่อนข้างจำกัด และจำเป็นต้องใช้เนื้อที่และวัสดุในการ
เก็บ ข้อมูลค่อนข้างมาก
    2.
Computer Assisted Approach เป็นการวิเคราะห์
ข้อมูลในรูปของตัวเลขหรือดิจิตอล (
digital) โดยการเปลี่ยนรูปแบบของข้อมูลแผนที่หรือลายเส้นให้อยู่ในรูปของตัวเลขแล้วทำการซ้อนทับกันโดยการนำหลักคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์เข้ามาช่วย วิธีการนี้จะช่วยให้ลดเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลลงและสามารถเรียกแสดงหรือทำการวิเคราะห์ได้โดยง่าย 

โปรแกรม DevC++

เครื่องหมายทางตรรกศาสตร์
              เครื่อง หมายตรรกศาสตร์เป็นการหาผลลัพธ์โดยใช้หลักการทางตรรกศาสตร์ ส่วนใหญ่มักใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ หรือระบบเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า โดยเครื่องหมายทางตรรกศาสตร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษา c มีอยู่ 3 ชนิดคือ && (and) , || (or) และ ! (not)
              ผลลัพธ์จาการดำเนินการทางตรรกศาสตร์โดยใช้เครื่องหมายทั้ง 3 ชนิด แสดงดังตารางต่อไปนี้โดยกำหนดให้ 1(T) แทนค่าที่เป็นจริง และ 0(F) แทนค่าที่เป็นจริง

 
 ทำความรู้จักนิพจน์ (Expression)
นิพจน์ คือ การนำข้อมูลซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของค่าคงที่หรือตัวแปรมาดำเนินการโดยใช้ เครื่องหมายต่างๆ เป็นตัวสั่งงาน สำหรับนิพจน์ที่เราพบเห็นกันทั่วไปในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
       5+3=8                       B2-4bax2+bx+c
       2R                              2xy-4

การเขียนนิพจน์ในภาษา C
นิพจน์ในภาษา C ก็คือการนำข้อมูลและตัวแปรในภาษา c มาดำเนินการต่อด้วยเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์ หรือเครื่องหมายเปรียบเทียบในภาษา c เป็นตัวสั่งงาน

นิพจน์ทางคณิตศาสตร์
การเขียนนิพจน์ทางคณิตศาสตร์ในภาษา c จะเหมือนกับการเขียนนิพจน์ทางคณิตศาสตร์ตามปกติเพียงแต่เปลี่ยนมาใช้เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ของภาษา c แทน ซึ่งต้องระวังเครื่องหมายบางตัวที่ใช้ไม่เหมือนกัน อย่างเช่น การคูณจะใช้เครื่องหมาย * แทน x หรือหารจะใช้เครื่องหมาย/แทน

ตัวอย่าง  การเขียนนิพจน์ทางคณิตศาสตร์ในภาษา c แสดงดังต่อไปนี้

  
นิพจน์ทางตรรกศาสตร์
การเขียนนิพจน์ตรรกศาสตร์ในภาษา c ก็คือ การเขียนนิพจน์โดยใช้เครื่องหมายการดำเนินการทางตรรกศาสตร์ในภาษา c (&&)||, !) เป็นตัวสั่งงาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วนิพจน์ทางตรรกศาสตร์จะอยู่ร่วมกับนิพจน์อื่นๆ
                ตัวอย่าง นิพจน์ทางตรรกศาสตร์พร้อมทั้งผลลัพธ์จากการดำเนินการ แสดงดังตารางต่อไปนี้ โดยกำหนดให้ตัวแปร a=25, b=-124และc=0


ตัวอย่าง   โปรแกรมตรวจสอบค่าความจริงของการเปรียบเทียบด้วยนิพจน์ต่าง ๆ
                เมื่อค่าความจริงที่มีค่าเป็น จริง(T) มีค่าเป็น  1  และค่าความจริงที่มีค่าเป็น เท็จ(F) มีค่าเป็น  0
                จงหาค่าความจริงของการเปรียบเทียบต่อไปนี้
                เมื่อกำหนดให้  a=5,b=15,c=3,k=3
                       a)   (21<20)||(3+8)>18)
                       b)   a >= b/c || b >= 10 && c*a >= b
                       c)    ((k==3)||(k==8)||(k==9))
เขียนเป็นโปรแกรมได้ ดังนี้

    


  ทดลอง Compile และ  Run  จะได้ผลลัพธ์ ดังนี้ ให้บันทึกผลลัพธ์ไว้



                         แล้วทดลองเปลี่ยน ค่าของ k=1  และสั่ง Run  บันทึกผลลัพธ์  ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นดังนี้



ผลลัพธ์


โปรแกรมและอุปกรณ์ที่ใช้ตรรกศาสตร์เข้ามาช่วย

โปรแกรมและอุปกรณ์ที่ใช้ตรรกศาสตร์เข้ามาช่วย
      โปรแกรมและอุปกรณ์ที่ใช้ตรรกศาสตร์เข้ามาช่วยมีมากมายหลายอย่างเราได้ทำตัวอย่างมาบางกรณีดังต่อไปนี้


CPUกับตรรกศาสตร์                                                                                                                                
        CPU (Central Processing Unit) หรือ โปรเซสเซอร์ (Processor) คือ ส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของส่วนอื่นๆ โดยทั่วไปแล้ว ซีพียูจะประกอบไปด้วย หน่วยควบคุม (Control Unit), หน่วยประมวลผลคณิตศาสตร์และตรรกศาสตร์ (Arithmetic and Logic Unit; ALU) และหน่วยความจำ ได้แก่ รีจีสเตอร(Register), แคช (Cache), แรม (RAM) และรอม (ROM)


โครงสร้างภายใน
        ในปี 1971 อินเทลได้ผลิตซีพียูรุ่น Intel 4004 ออกจำหน่ายเป็นเจ้าแรก โดยบรรจุทรานซิสเตอร์ 2,300 ตัว แต่ถึงวันนี้ซีพียูเพนเทียมโฟร์ สามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากถึง 55 ล้านตัวเลข ปกติแล้วซีพียูหนึ่งตัวจะประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาดเล็กมากเป็นจำนวนลานๆตัว ที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระบวนการที่ซับซ้อน เพื่อสร้างวงจรลงนบแผ่นซิลิกอนบางๆขนาดเล็กพร้อมเส้นทางเชื่อมต่อ ซึ่งทรานซิสเตอร์ขนาดจิ๋วเหล่านี้จะเก็บสัญญาณไฟฟ้าที่แทน 0 และ 1 ซึ่งก็คือรหัสไบนารี่ หรือเลขฐาน 2 ซึ่งเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้ในการติดต่อสื่อสาร โดยทั้งหมดนี้จะมีการใช้สัญญาณนาฬิกา จากผลึกคริสตัลเป็นตัวสร้างความถี่เพื่อกระตุ้นการทำงาน


หน่วยประมวลผล
         หมายถึงอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ประมวลผลคำสั่ง เปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้ป้อนคำสั่งให้โดยผ่านทางอุปกรณ์รับข้อมูล หน่วยประมวลผลหรือเขียนเต็มๆก็คือ การประมวลผลเป็นหน้าที่หลักของซีพียู ซึ่งการประมวลผลนี้จะรวมทั้งการคำนวณและการจัดการข้อมูล สำหรับการคำนวณจะใช้วงจรเฉพาะที่มีชื่อว่า ALU Arithmetic and Login Unit และมีวงจรควบคุม CU Control Unit เป็นผู้ดูแลการทำงานของซีพียู



โครงสร้าง จะประกอบด้วยส่วนต่างๆดังต่อไปนี้
            1.หน่วยประมวลผลทางคณิตศาสตร์และตรรกะ ALU : Arithmetic and Logic Unit หน่วยที่ทำหน้าที่นำเอาข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสอง มาประมวลผลทางคณิตศาสตร์ เช่น การบวก การลบ และการเปรียบเทียบในเชิงตรรกะ เช่น AND OR NOT Exclusive OR และการทำคอมพลีเมนต์ เป็นต้น
            2. หน่วยควบคุม CU : Control Unit หรือวงจรควบคุม Control Circuitry ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของซีพียูและจัดสรรสัญญาณนาฬิกาส่งออกไปให้ส่วนต่างๆ อ้างอิงในการทำงาน


รูปแสดงโครงสร้างของสถาปัตยกรรมภายในซีพียู

หน่วยประมวลผลทางคณิตศาสตร์และตรรกะ
                ซีพียูจะใช้หน่วย ALU ในการคำนวณหรือประมวลหรือ ผลข้อมูล/ ชุดคำสั่ง ส่วนคำนวณทำหน้าที่หลักๆ สองประการคือ ประการแรกทำการบวก ลบ คูณ และหาร ซึ่งนอกจากหน่วย ALUจะทำหน้าที่เป็นเครื่องคำนวณในการบวก ลบ คูณ หารตัวเลขแล้ว ยังมีความสามารถในเชิงตรรกศาสตร์อีกด้วย โดยสามารถเปรียบเทียบเงื่อนไขตามกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ เช่น เปรียบเทียบจำนวน 2 จำนวนตามเงื่อนไข มากกว่า น้อยกว่า เท่ากัน หรือไม่เท่ากับ เพื่อให้ได้
                คำตอบออกมาว่าเงื่อนไขนั้นเป็นจริง T หรือเท็จ F เป็นต้น ซึ่งรูปแบบของการคำนวณทางคณิตศาสตร์และตรรกะ จะอยู่ในรูปของเลขฐานสองหรือข้อมูลแบบไบนารี่ สามารถทำการบวก เพื่อรวมข้อมูลของรีจีสเตอร์ 2 ตัวเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีวงจรสำหรับทำการลบได้โดยตรงอีกด้วย


                            
รูปแสดงหน่วยคำนวณทางคณิตศาสตร์หรือ ALU

ตรรกศาสตร์


          ตรรกศาสตร์เป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอมพิวเตอร์และส่วนสำคัญของชีวิตคนครับ จริง ๆ แล้วในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ สร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือออกแบบระบบคอมพิวเตอร์ใด ๆ เราใช้ตรรกศาสตร์ที่ซับซ้อนกันพอสมควร แต่ตรรกศาสตร์ง่าย ๆ รูปแบบหนึ่งที่เป็นพื้นฐานแทบทุกสิ่งของคอมพิวเตอร์ และหมายรวมไปถึงชีวิตมนุษย์อย่างเราด้วย   ตรรกศาสตร์รูปแบบง่าย คือ กฎ ถ้า...แล้ว
          ในความเป็นจริง กฎ ถ้า...แล้ว เริ่มมีมาตั้งแต่จำความได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าทำดี แล้ว คุณแม่จะชื่นชม หรือถ้าดื้อ แล้วคุณแม่จะตี พอโตขึ้นมาเราก็ยังอยู่ภายใต้กฎ ถ้า...แล้ว อยู่ดี แต่อาจเป็นเงื่อนไขที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น ถ้าขับรถฝ่าไฟแดงและกล้อง วงจรปิดจับภาพได้ แล้วตำรวจจะออกใบสั่ง (ซึ่งกล้องวงจรปิดมักจะไม่เสียในกรณีนี้ แต่มักจะเสียในกรณีร้ายแรงกว่านี้เสมอ)
          เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน มากยิ่งขึ้น ลองพิจารณากฎง่าย ๆ กฎข้อนี้มีอยู่ว่า ถ้าฝนตก แล้วพื้นจะเปียก ซึ่งเป็นกฎธรรมชาติที่สามารถพิจารณาผลของกฎข้อนี้ได้พร้อม ๆ กัน  แน่นอนว่า ในกรณีที่ฝนตกนั้น พื้นย่อมเปียก ส่วนในกรณีที่ฝนไม่ตก พื้นอาจจะเปียกหรือไม่เปียกก็ได้ และจะไม่มีกรณีที่ฝนตก แต่พื้นไม่เปียก ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่สอดคล้องกันตามกฎข้อนี้
         ความสามารถอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือ คิดย้อนจากผลกลับไปหาเหตุ ดังนั้น ถ้าเดินออกไปแล้วเจอพื้นเปียก จะสามารถสรุปได้หรือไม่ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น   คำตอบที่ถูกต้อง คือไม่สามารถสรุปได้ ว่าฝนตกหรือฝนไม่ตก ก็เพราะในกรณีที่พื้นเปียกนั้น ฝนอาจตกหรือไม่ตกก็ได้ ซึ่งทั้งสองกรณีนี้สอดคล้องกับกฎทั้งคู่ อาจจะมีฝนตกจริง ๆ หรืออาจจะมีใครเอาน้ำไปราดพื้นก็เป็นได้